![]() |
Nikon D600 |
Sunday, November 11, 2012
Specification Nikon D600 Full
Nikon D600 เป็นกล้องฟลูเฟรม ราคาถูก ความละเอียดของเซนเซอร์รับภาพถึง 24.3 Megapixels เหมาะสำหรับผู้ที่จะขยับเล่นกล้องโปรแต่งบไม่ถึง ผมว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวในเรื่องของน้ำหนัก Body + แบต หนักเพียงแค่ 760 กรัม เบามากครับ เมื่อเทียบกับฟลูเฟรมตัวอื่นๆ สามารถแบกไปไหนมาไหนไม่เมื่อยดีครับ แบกสบายๆ แถมคุณภาพไฟล์ระดับ Hight ด้วย ราคา Body อยู่ที่ประมาณ 70,000 บาทครับ แต่ถ้า Body + Lens 24-85 mm VR F3.5-5.6 ราคาอยู่ที่ 90,500 บาทครับ ประกันศูนย์ จากร้าน D2H มาดูเสปคเต็มๆ กันเลยครับ
Labels:
D600,
Nikon D600,
spec D600,
นิคอน d600,
เสปค D600
โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ
กล้องโดยทั่วไป จะมีโหมดในการถ่ายภาพที่นอกเหนือจากโหมดอัตโนมัติ คือ โหมด Scene ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพสถานการณ์ต่างๆ ได้สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งแต่ละโหมดถูกตั้งค่ามาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ และเหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งาน
ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดการถ่ายภาพตามสถานการณ์ต่างๆ ได้ดังนี้
1. โหมดถ่ายภาพบุคคล (Protrait) เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ซึ่งภาพที่เราถ่ายออกมาแล้วสีผิวจะดูนุ่มนวล เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควนให้ฉากหลังอยู่ไกลที่สุดอละใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสมากๆ เพื่อให้ภาพดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
2. โหมดถ่ายภาพเด็กเล็ก (Child) เหมาะสำหรับถ่ายภาพเด็ก ซึ่งต้องใช้ความรวดเร็วในการถ่าย เพราะเด็กจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง
3. โหมดถ่ายภาพทิวทัศน์ (Landscape) เหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล อาคารบ้านเรื่อน สถาปัตยกรรมต่างๆ ภาพที่ได้จะมีสีสรรค์ที่สดใส ภาพจะคมชัด เนื่องจากกล้องจะใช้รูรับแสงที่แคบลง และในโหมดนี้แม้ภาพจะแสงน้อยเท่าไร กล้องก็จะไม่ใช้แฟลช
ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดการถ่ายภาพตามสถานการณ์ต่างๆ ได้ดังนี้
1. โหมดถ่ายภาพบุคคล (Protrait) เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ซึ่งภาพที่เราถ่ายออกมาแล้วสีผิวจะดูนุ่มนวล เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควนให้ฉากหลังอยู่ไกลที่สุดอละใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสมากๆ เพื่อให้ภาพดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
2. โหมดถ่ายภาพเด็กเล็ก (Child) เหมาะสำหรับถ่ายภาพเด็ก ซึ่งต้องใช้ความรวดเร็วในการถ่าย เพราะเด็กจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง
3. โหมดถ่ายภาพทิวทัศน์ (Landscape) เหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล อาคารบ้านเรื่อน สถาปัตยกรรมต่างๆ ภาพที่ได้จะมีสีสรรค์ที่สดใส ภาพจะคมชัด เนื่องจากกล้องจะใช้รูรับแสงที่แคบลง และในโหมดนี้แม้ภาพจะแสงน้อยเท่าไร กล้องก็จะไม่ใช้แฟลช
Friday, November 9, 2012
หัวใจสำคัญของกล้องถ่ายภาพ
![]() |
ขนาดเซนเซอร์ ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี |
กล้องมีกลากหลายแบบ มีที้งที่อยู่ในโทรศัพท์ กล้องดิจิตอลขนาดเล็ก กล้อง กึ่ง DSLR กล้อง DSLR กล้อง DSLR Fulframe ทั้งหมดนี้เราล้วนได้ยินกันมาทั้งนั้น เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า ทำไมพัฒนาเทคโนโลยีไปเท่าไหร่กล้องเล็กก็ไม่สามารถมีคุณภาพของไฟล์ภาพทัดเทียมกับกล้องรุ่นใหญ่ได้ แม้ว่ากล้องเล็กจะมีขนาด Pixel ที่บอกว่า 12 ล้านพิกเซล เท่ากับกล้องใหญ่ก็ตาม แน่นอนจำนวณ Pixel ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของไฟล์ภาพ เป็นเพียงขนาดของรูปเท่านั้น ซึ่งตามจิงเราถ่ายมาแค่ 5 ล้าน Pixel เราก็สามารถปรับค่าใน Photoshop ให้มีขนาด 12 ล้านพิกเซลได้ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่สิ่งที่สำคัญที่สุดของกล้องที่ทำให้ไฟล์ภาพมีคุณภาพดี คือ "ขนาดเซนเซอร์ของกล้อง ขนาดเซนเซอที่ใหญ่ ภาพยิ่งมีคุณภาพดีขึ้นเท่านั้น จึงทำให้กล้องใหญ่ได้เปรียบในจุดนี้ และสามารถเปลี่ยนเลนส์ใช้ได้หลากหลายด้วย" แต่ใช่ว่ากล้องใหญ่จะดีเสมอไป เพราะทั้งใหญ่ ทั้งหนัก พกพาลำบาก กล้องเล็กก็สามารถถ่ายรูปสวยได้เหมือนกัน ขึ้นกับมุมมอง องค์ประกอบภาพ และการใช้ Photoshop ดูตัวอย่างกล้องเล็กก็สวยได้จาก หัวข้อ ภาพจากกล้องโทรศัพท์ก็สวยได้ด้วย Photoshop แล้วคุณจะรู้ว่า กล้องเล็กก็ไม่แพ้กล้องใหญ่ ^^
วิธีใช้ Level ใน Photoshop CS5
เครื่อมือใน Photoshop อีกตัวนึงที่สำคัญและใช้บ่อยๆ คือ Level เข้าได้ที่ Image > Adjustments > level มันเป็นเครื่องมือที่บ่บอกปริมาณแสงภายในภาพ ซ้ายจะเป็นส่วนมืดที่สุด ขวาเป็นส่วนที่สว่างที่สุด ใช้ level ในกรณีที่อยากให้ภาพมีส่วนมืดที่สุด และส่วนสว่างที่สุด เพื่มความรวดเร็วในการแต่งแสงในภาพ เมื่อเราทำแล้วจะทำให้ภาพสวยขึ้นมาก สีจะอิ้มขึ้น ช่วยลดแสงฟุ้งในภาพถ่าย และ Level ยังมีเครื่องมือในการปรับ White balance ให้ตรงอีกด้วย มาดูตัวอย่างกันครับ
เทคนิคสำคัญของการใช้ Level คือ "พยายามเลื่อนจุดสีดำด้านซ้ายและสีขาวด้านขวา ให้เข้าใกล้ปลายกราฟทั้งสองข้างให้มากที่สุด เพราะจะทำให้สีขาวเป็นสีขาว และสีดำเป็นสีดำครับ ภาพเราจะดูสวยมากยิ่งขึ้นครับ และหากเราไม่พอใจเราสามารถเลื่อนจุดสีเทาตรงกลางไปซ้ายหรือขวาจนกว่าจะพอใจ ลองทำดูครับ "
![]() |
จากกราฟ จะเห็นว่าภาพมีแนวโน้วไปทางมืดซะส่วนใหญ กราฟเบ้ไปทางซ้ายเยอะ |
![]() |
เมื่อเราเลื่อนจุดสีขาว มาใกล้เส้นกราฟที่อยู่ปลายสุด จะทำให้ภาพสว่างมากยิ่งขึ้น สีดำเราไม่ต้องเลื่อนแล้ว |
เทคนิคสำคัญของการใช้ Level คือ "พยายามเลื่อนจุดสีดำด้านซ้ายและสีขาวด้านขวา ให้เข้าใกล้ปลายกราฟทั้งสองข้างให้มากที่สุด เพราะจะทำให้สีขาวเป็นสีขาว และสีดำเป็นสีดำครับ ภาพเราจะดูสวยมากยิ่งขึ้นครับ และหากเราไม่พอใจเราสามารถเลื่อนจุดสีเทาตรงกลางไปซ้ายหรือขวาจนกว่าจะพอใจ ลองทำดูครับ "
Monday, November 5, 2012
ภาพจากกล้องโทรศัพท์ก็สวยได้ด้วย Photoshop
หลายๆ คนอาจจะคิดว่ากล้องเล็กถ่ายยังไงก็สวยสู้กล้องใหญ่ไม่ได้ แต่ก็จริงในส่วนนึงครับ อาจจะหลายส่วนด้วยครับ แต่ภาพบางแนวกล้องเล็ก กล้องโทรศัพท์ ภาพก็สามารถสู้กับกล้องใหญ่ได้เลย แต่ต้องมีความรู้และเทคนิคการแต่งภาพอยู่พอสมควร รูปนี้ผมถ่ายจากกกล้องโทรศัพท์รุ่น Sony Ericsson Xperia Arc s ภาพก็ออกมาธรรมดาๆ หนิแหละครับ ผมก็เลยโยนไฟล์ลงใน Photoshop ซะ ดึงสีไป ดึงสีมา สุดท้ายเรามาดูตัวอย่างก่อนแต่งและหลังแต่งกันครับ ว่าจะสวยแค่ไหน ^^
เห็นมั้ยครับภาพธรรมดาๆ จากกล้องโทรศัพท์เราก็สามารถถ่ายหรือแต่งให้สวยได้ ถ้าเราใช้กล้องและ Photoshop ได้อย่างชำนาญ
![]() |
Before |
![]() |
After |
เห็นมั้ยครับภาพธรรมดาๆ จากกล้องโทรศัพท์เราก็สามารถถ่ายหรือแต่งให้สวยได้ ถ้าเราใช้กล้องและ Photoshop ได้อย่างชำนาญ
ปล. ถ่ายภาพเก่งแล้ว อย่าลืมฝึกทักษะการแต่งรูปด้วยนะครับ ช่วยเราได้เยอะเลย
การใช้เส้น Curve ใน Photoshop
Curve ใน Photoshop เป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับปรับความสว่างของภาพ ใช้งานได้รวดเร็ว สามารถดึงส่วนมืดและส่วนสว่างพร้อมๆ กันได้ จะทำให้ภาพมีสีสดขึ้น หรือ สดน้อยลงก็ได้ คนที่ใช่้ใหม่ๆ ไม่รู้ว่ามันใช้งานยังไง ช่วยให้ภาพดีขึ้นได้อย่างไร และเราก็จะไม่กล้าใช้ วันนี้ผมจะมาแนะนำรูปแบบการปรับเส้น Curve หลักๆ ที่ใช้งานบ่อยๆ มีอะไรบ้างครับ
![]() |
เส้น curve ที่ยังไม่ถูกปรับ ภาพจะยังปกติอยู่ครับ |
3 ระบบวัดแสง หลักๆ ของกล้องทั่วไป
1. วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ (Average Light-Metering) วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ กล้องจะแบ่งภาพออกเป็นส่วนๆ แล้วนำแต่ละส่วนมาคำนวณค่าแสงเฉลี่ยกัน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตามแสง และภาพต้องไม่มีส่วนมืดส่วนสว่างมากเกินไป หากมากเกินไปอาจทำให้ภาพมืดได้ ใช้ได้ดีกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ โหมดนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ และบางสถานการณ์ภาพก็ออกมาดีเช่นกัน
![]() |
วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ |
2. วัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลาง (Center-weight-Average Light-Metering) จะคล้ายๆ กับการเฉลี่ยทั้งภาพ แต่จะเน้นวัดแสงตรงกลางภาพมากกว่า ซึ่งจะทำให้กล้องวัดแสงตรงกลางภาพมากที่สุด เหมาะสำหับงานสภาพแสงไม่ยุ่งยากมากเกินไป และไม่มีส่วนมืดส่วนสว่างมากเกินไป เหมาะสัมหรับการถ่านภาพบุคคล ภาพทิวทัศน์ และภาพตามแสง
![]() |
วัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลาง |
3. วัดแสงแบบเฉพาะจุด (Spot Light-Metering) เป็นการวัดแสงตรงกลางภาพเท่านั้น เหมาะสำหรับใช้กับสภาพแสงที่ยุ่งยาก เช่น ภาพย้อนแสง เหมาะสำหรับผู้ที่ชำนาญ เนื่องจากการใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก แต่หากเราเริ่มหัดจนชำนาญแล้วจะสามารถวัดแสงได้ถูกต้องแม่นยำ สามารถศึกษาการชดเชยแสงได้จาก หัวข้อ การชดเชยแสงตามวัตถุ
![]() |
วัดแสงแบบเฉพาะจุด |
Saturday, November 3, 2012
การชดเชยแสงตามสีของวัตถุ
สำหรับกล้อง DSLR จะมีฟังก์ชันสำหรับชดเชยแสง เมื่อเราเจอวัตถุที่มีสีตามตารางข้างล่างนี้ ให้เราชดเชยแสงกล้องตามตารางได้เลย แต่เราจะต้องใช้การวัดแสงเฉพาะจุดเท่านั้นนะครับ ถึงจะได้ผลดี การนำไปใช้ เช่น คน ดอกไม้ ต้นไม้ แม่น้ำ ทะเล สิ่งของ เครื่องใช้ต่าง ฯลฯ
ตัวอย่างการชดเชยแสง
รูปที่ 1 เป็นการถ่ายกระเป๋ากล้องของผมเอง ผมใช้วัดแสงเฉพาะจุด วัดไปที่ตำแหน่งสีแดงตรงกลาง ซึ่งตรงกับสีดำ ผมจะทดสอบว่าระหว่างไม่ชดเชยแสงกับชดเชยแสง ว่าจะแตกต่างกันมั้ย และภาพไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน
จากการทดสอบด้านบนจะเห็นว่า เมื่อเราชดเชยแสง -2 สีดำจะเป็นสีดำตามที่ตาเราเห็น แต่หากเราไม่ชดเชยแสง สีตำจะไม่ดำเหมือนที่ตาเราเห็น เพราะกล้องจะวัดแสงให้เป็นสีเทากลางทุกครั้ง
" วิธีนี้หากเราฝึกบ่อยๆ เราจะค่อยๆ เซียน และกลายเป็นเทพครับ "
![]() |
ตารางสีในการชดเชยแสง |
ตัวอย่างการชดเชยแสง
![]() |
วัดแสงเฉพาะจุด |
รูปที่ 1 เป็นการถ่ายกระเป๋ากล้องของผมเอง ผมใช้วัดแสงเฉพาะจุด วัดไปที่ตำแหน่งสีแดงตรงกลาง ซึ่งตรงกับสีดำ ผมจะทดสอบว่าระหว่างไม่ชดเชยแสงกับชดเชยแสง ว่าจะแตกต่างกันมั้ย และภาพไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน
ไม่ได้ชดเชยแสง ชดเชยแสง 0 |
ชดเชยแสง -2 เนื่องจากจุดที่วัดเป็นสีดำ ตามตารางข้างบน |
จากการทดสอบด้านบนจะเห็นว่า เมื่อเราชดเชยแสง -2 สีดำจะเป็นสีดำตามที่ตาเราเห็น แต่หากเราไม่ชดเชยแสง สีตำจะไม่ดำเหมือนที่ตาเราเห็น เพราะกล้องจะวัดแสงให้เป็นสีเทากลางทุกครั้ง
" วิธีนี้หากเราฝึกบ่อยๆ เราจะค่อยๆ เซียน และกลายเป็นเทพครับ "
Friday, November 2, 2012
วิธีเปลี่ยนชื่อรูปเป็นกลุ่ม โดยไม่ใช้โปรแกรม ง่ายๆ
เมื่อเราถ่ายรูปมาจากกล้อง เราก็จะเจอไฟล์ภาพมากมาย เราต้องการเปลี่ยนชื่อรูปเหล่านั้นเป็นชื่อใหม่ หากเราเปลี่ยนชื่อรูปที่ละรูปนั้นไม่ดีแน่เลยใช่มั้ยครับ เราต้องใช้โปรแกรมในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ จึงจะสามารถเปลี่ยนชื่อไฟล์ได้ ซึ่งการใช้โปรแกรมก็ได้ผมดีเหมือนกันครับ สามารถกำหนดรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย แต่หากเราต้องการเปลี่ยนชื่อรูปเยอะๆ และใช้เวลารวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมใดๆ เลย วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีทำนะครับ ง่ายมากเลยครับ อยู่ใกล้ตัวเรานิดเดียวเองครับ สามารถใช้กับไฟล์อื่นๆ แบบอื่นๆ ก็ได้ครับ เช่น Folder,ไฟล์เอกสารต่างๆ
วิธีเปลี่ยนชื่อรูปทั้งกลุ่ม
1. เลือกไฟล์รูปที่เราต้องการ ใชเม้าส์ลาก หรือ กด Ctrl ค้างไว้ เลือกที่ละรูป หรือ คลิ๊กที่รูปแรก 1 ครั้ง แล้วกด Shift ค้างไว้ แล้วคลิ๊กที่รูปสุดท้าย
2. คลิ๊กขวาที่รูปแรก แล้วไปที่ Rename แล้วเปลี่ยนชื่อไฟล์ แล้วกด Enter
3. เสร็จแล้วครับ จะได้ชื่อไฟล์ตามรูปครับ ^^
วิธีเปลี่ยนชื่อรูปทั้งกลุ่ม
1. เลือกไฟล์รูปที่เราต้องการ ใชเม้าส์ลาก หรือ กด Ctrl ค้างไว้ เลือกที่ละรูป หรือ คลิ๊กที่รูปแรก 1 ครั้ง แล้วกด Shift ค้างไว้ แล้วคลิ๊กที่รูปสุดท้าย
2. คลิ๊กขวาที่รูปแรก แล้วไปที่ Rename แล้วเปลี่ยนชื่อไฟล์ แล้วกด Enter
3. เสร็จแล้วครับ จะได้ชื่อไฟล์ตามรูปครับ ^^
วิธีใช้รูปภาพค้นหาใน Google
วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการค้นหา Google โดยใช้รูปภาพในเครื่องเรานะครับนะครับ เมื่อเราสงสัยว่ารูปภาพนั้นๆ เป็นรูปภาพเกี่ยวกับอะไร สถานที่ไหน Google สามารถตอบเราได้ครับ เรามาดูวิธีการค้นหาเลยครับง่ายมากๆ เลยครับ
วิธีการค้นหา
1. เตรียมไฟล์รูปที่เราต้องการ
2. เข้าเว็บ https://www.google.co.th/ ไปที่ ค้นหารูปภาพ
3. คลิ๊กที่ Upload an image
4. คลิ๊กที่ เลือกไฟล์ แล้วเลือกไฟล์รูปที่เราต้องการ Google ก็จะค้นหาบทความเกี่ยวกับ
รูปภาพนั้น
5. เสร็จแล้วครับ
เมื่อเราค้นหาเรียบร้อยแล้ว Google ก็จะบอกเราว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร สถานที่ไหน
![]() |
ตัวอย่างไฟล์ภาพ ที่ต้องการค้นหา ว่าเป็นน้ำตกที่ไหน |
1. เตรียมไฟล์รูปที่เราต้องการ
2. เข้าเว็บ https://www.google.co.th/ ไปที่ ค้นหารูปภาพ
3. คลิ๊กที่ Upload an image
4. คลิ๊กที่ เลือกไฟล์ แล้วเลือกไฟล์รูปที่เราต้องการ Google ก็จะค้นหาบทความเกี่ยวกับ
รูปภาพนั้น
5. เสร็จแล้วครับ
เมื่อเราค้นหาเรียบร้อยแล้ว Google ก็จะบอกเราว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร สถานที่ไหน
หรือ รูปภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน Google นี่เทพมากจริงๆ ครับ แม้แต่รูปภาพยังบอกได้ ^^
แต่งภาพเป็นกลุ่มใน Phoshop สั้นๆ ง่ายๆ
Photoshop ช่วยทำให้รูปภาพของเราสวยขึ้นเป็นอย่างมาก แต่หากเรามีภาพเยอะๆ แต่ต้องการให้รูปภาพของเราออกมาแนวเดียวกัน วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการทำนะครับ ไม่ยากเลยครับ แป๊บเดียว เสร็จทั้งโฟล์เดอร์เลยครับ
วิธีทำ
1. เปิดโปรแกรม Photoshop ขึ้นมา ไปที่ File >> Scripts >> Image Processor
2. จะขึ้นห้าต่างตามข้างล่าง มีให้เลือกโฟล์เดอร์ที่จะแต่งภาพ ซึ่งเราจะต้องเก็บภาพไว้ใน โฟล์เดอร์ และก็เลือกโฟล์เดอร์ปลายทางที่เราจะเก็บ แล้วเลือกไฟล์ภาพเป็นแบบไหน JPEG,PSD,TIFF สุดท้ายเลือก Action ที่เราจะใช้ ซึ่งเราต้องสร้าง Action ก่อน จากกระทู้ก่อนหน้านี้ มีวิธีทำครับ ง่ายๆ การใช้ Action ใน Photoshop ทำตามลิงค์นี้ได้เลย
3. เมื่อเรากด Run แล้ว Photoshop ก็จะทำการแต่งภาพของเราตาม Action ที่เราทำไว้ ทีละรูปไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเสร็จ
การแต่งภาพเป็นกลุ่มจาก Photoshop ช่วยทำให้เราประหยัดเวลามากขึ้นเลยครับ ลองใช้งานกันดูนะครับ ขอบคุณครับ
การใช้ Action ใน Photoshop CS5
การแต่งภาพใน Photoshop นั้น เราสามารถทำได้ รูปเดียวอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าหากเกิดมีหลายรูป แล้วเราต้งการให้รูปมีลักษณะเดียวกันทั้งหมด มีสีในลักษณะเดียวกัน ปรับขนาดเท่ากัน ทำขอบมืด หรือลด noise ในภาพเช่นเดียวกัน ถ้าเกิดเรามีรูปที่ถ่ายมาซัก 100 รูป ไม่ดีแน่ใช่มั้ยครับ หากเราต้องมาปรับทีละรูป วันนี้ผมจะมาแนะนำการทำ Action ใน Photoshop ครับ สามารถปรับแต่หลายๆ รูปพร้อมกันได้ ตามที่เราทำ Action ไว้ จะช่วยทำให้เราประหยัดเวลามากขึ้นทีเดียว แต่ก่ารทำ Action นั้นในการปรับแต่งภาพบางกรณี เช่น ตัดต่อ หรืออย่างอื่น อาจจะไม่ได้ผลนะครับ ใช้ได้บางกรณีเท่านั้นครับ
กรณีที่ใช้ได้ เช่น ปรับขอบมือ ลดขนาดภาพ ปรับแต่งสี ลด Noise โดยใช้ Plug-in
ทำหน้าเนียนด้วย Plug-in
มาดูวิธีทำกันเลยครับ
1. เปิดภาพที่ต้องการขึ้นมา คลิ๊กที่ Action ตามรูปในหมายเลข 1
2. สร้าง set ใหม่ โดยคลิ๊กที่ปุ่มตามหมายเลข 2 จะได้ Floder set 1
3. สร้าง New Action เมื่อเรากดแล้วมันจะให้ทำการตั้งชื่อ Acton ส่วนนี้เปนส่วนสำคัญ เมื่อเราตั้งชื่อของ Record แล้ว มันจะทำการบันทึกทุกอย่างที่เราทำต่อจากนี้ทันที หากเราต้องการหยุด Action เราก็กดปุ่มหยุด เมื่อเรากดปุ่มหยุดแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นการทำ Action ครับ เราก็สามารถ นำเอา Action ไปใช้กับภาพอื่นๆ หากเราต้องการลบ แก้ไข หรือเพิ่มเติม Action ก็สามารถทำได้ครับ
สรุปครับ การทำ Action ก็คือ การบันทึกช่วงเวลาหนึ่งที่เราตกแต่งภาพทุกอย่าง ว่าเราทำอะไรกับภาพบ้าง เช่น Resize ปรับแสง ปรับสี ใส่ขอบมืด ใส่ฟิวเตอร์ ลด Noise อื่นๆ เมื่อเรากดหยุด
การทำ Action ก็จะจบลง และเอาการปรับแต่งภาพช่วงที่เราอัดไปใช้กับภาพอื่นๆ ภาพอื่นๆ ก็จะนำการตกแต่งภาพที่เราอัดไว้ทั้งหมดไปใช้กับภาพนั้น จะยึดตามค่าที่เราอัดไว้ทั้งหมด การทำ Action เปรียบเหมือนกับการอัดเสียงเพลง เมื่อเราเริ่มอัด มันก็จะทำการอัดเสียงร้องเพลงของเราไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะกดหยุดอัดเสียงนั่นเอง ซึ่งการทำแบบนี้มีประโยชน์มากครับ เมื่อเราจะใช้งานโดยเราไม่ต้องมาแต่งใหม่ทีละรูปแบบเดิมซ้ำๆ จะทำให้ประหยัดเวลาขึ้นมากเลยครับ
ยิ่งถ้าเรามีรูปภาพจำนวนเยอะๆ แล้ว เรายังสามารถสั่งให้ Photoshop ตกแต่งภาพเป็นกลุ่มได้อัตโนมัติเลยครับ ดังนั้นเมื่อเรานำการใช้ Action รวมกับการแต่งภาพเป็นกลุ่มแล้ว จะทำให้เราสะดวกสบายขึ้นมากเลยครับ ประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย
วิธีการแต่งภาพเทั้งกลุ่ม คือใช้คำสั่ง Batch หรือ คำสั่ง Image processor รอติดตามกระทู้ต่อไปนะครับ เดี๋ยวผมจะมาสอนวิธีการทำนะครับ ขอบคุณครับ ^^
กรณีที่ใช้ได้ เช่น ปรับขอบมือ ลดขนาดภาพ ปรับแต่งสี ลด Noise โดยใช้ Plug-in
ทำหน้าเนียนด้วย Plug-in
มาดูวิธีทำกันเลยครับ
1. เปิดภาพที่ต้องการขึ้นมา คลิ๊กที่ Action ตามรูปในหมายเลข 1
2. สร้าง set ใหม่ โดยคลิ๊กที่ปุ่มตามหมายเลข 2 จะได้ Floder set 1
![]() |
สร้างโฟล์เดอในการเก็บ Action |
![]() |
ชื่อ Action 3 ที่เราจะนำไปใช้ครับ |
3. สร้าง New Action เมื่อเรากดแล้วมันจะให้ทำการตั้งชื่อ Acton ส่วนนี้เปนส่วนสำคัญ เมื่อเราตั้งชื่อของ Record แล้ว มันจะทำการบันทึกทุกอย่างที่เราทำต่อจากนี้ทันที หากเราต้องการหยุด Action เราก็กดปุ่มหยุด เมื่อเรากดปุ่มหยุดแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นการทำ Action ครับ เราก็สามารถ นำเอา Action ไปใช้กับภาพอื่นๆ หากเราต้องการลบ แก้ไข หรือเพิ่มเติม Action ก็สามารถทำได้ครับ
![]() |
เริ่มแต่งภาพได้เลยครับ Action ก็จะทำการ Record ไว้ทุกอย่างที่เราทำ เมื่อพอใจแล้ว เราก็สั่งหยุด เราก็จะได้ Action ไว้ใช้งานครับ |
![]() |
ตัวอย่างการนำ Action ไปใช้ครับ |
![]() |
เมื่อเราใช้ Action แล้ว มันก้จะทำตาม Action ที่เราบันทึกไว้ครับ รูปข้างบน ทำการ resize ปรับสี ปรับ curve ทำตามที่ record ไว้ครับ |
สรุปครับ การทำ Action ก็คือ การบันทึกช่วงเวลาหนึ่งที่เราตกแต่งภาพทุกอย่าง ว่าเราทำอะไรกับภาพบ้าง เช่น Resize ปรับแสง ปรับสี ใส่ขอบมืด ใส่ฟิวเตอร์ ลด Noise อื่นๆ เมื่อเรากดหยุด
การทำ Action ก็จะจบลง และเอาการปรับแต่งภาพช่วงที่เราอัดไปใช้กับภาพอื่นๆ ภาพอื่นๆ ก็จะนำการตกแต่งภาพที่เราอัดไว้ทั้งหมดไปใช้กับภาพนั้น จะยึดตามค่าที่เราอัดไว้ทั้งหมด การทำ Action เปรียบเหมือนกับการอัดเสียงเพลง เมื่อเราเริ่มอัด มันก็จะทำการอัดเสียงร้องเพลงของเราไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะกดหยุดอัดเสียงนั่นเอง ซึ่งการทำแบบนี้มีประโยชน์มากครับ เมื่อเราจะใช้งานโดยเราไม่ต้องมาแต่งใหม่ทีละรูปแบบเดิมซ้ำๆ จะทำให้ประหยัดเวลาขึ้นมากเลยครับ
ยิ่งถ้าเรามีรูปภาพจำนวนเยอะๆ แล้ว เรายังสามารถสั่งให้ Photoshop ตกแต่งภาพเป็นกลุ่มได้อัตโนมัติเลยครับ ดังนั้นเมื่อเรานำการใช้ Action รวมกับการแต่งภาพเป็นกลุ่มแล้ว จะทำให้เราสะดวกสบายขึ้นมากเลยครับ ประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย
วิธีการแต่งภาพเทั้งกลุ่ม คือใช้คำสั่ง Batch หรือ คำสั่ง Image processor รอติดตามกระทู้ต่อไปนะครับ เดี๋ยวผมจะมาสอนวิธีการทำนะครับ ขอบคุณครับ ^^
Thursday, November 1, 2012
วิธีลดขนาดรูปภาพ แค่คลิ๊กขวาที่รูป !!!
ผู้ใช้หลายคนเจอปัญหาขนาดของรูปที่ใหญ่เกินไปในการโพสลงเว็บ หรือส่งอีเมลล์ วันนี้ผมจะมาแนะนำ วิธีย่อรูปให้เล็กลง ด้วยโปรแกรมจาก Microsoft เป็นโปรแกรมที่ย่อภาพง่ายมาก แค่คลิ๊กขวา เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความรวดเร็วในการใช้งาน และสามารถแปลงไฟล์หลายๆ ภาพ พร้อมกันก็ได้
ดาวน์โหลดกันเลยครับ
+++ ดาวโหลดเสร็จแล้ว ลงตามปกติเลยครับ สามารถใช้งานได้เลยครับ +++
ปกติจะมีให้เลือก 4 แบบ และสามารถปรับขนาดตามที่เราต้องการได้อีกด้วยครับ
คุณภาพของไฟล์ยังคมชัดแจ๋วครับ คอนเฟิร์ม ^o^
ปกติจะมีให้เลือก 4 แบบ และสามารถปรับขนาดตามที่เราต้องการได้อีกด้วยครับ
คุณภาพของไฟล์ยังคมชัดแจ๋วครับ คอนเฟิร์ม ^o^
![]() |
มีหลายขนาดให้เลือก |
ดูไฟล์ raw ใน Window Photo Viewer
โปรแกรมนี้สามารถดูไฟล์ raw จากในโฟล์เดอร์ จะโชว์รูปแบบไฟล์ JPEG ได้เลย เป็นโปรแกรมฟรีจาก Microsoft เลยครับ เราไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอื่น ดูรูปพร้อมๆกันได้หลายรูปเลยครับ ซึ่งโดยปกติแล้ว ไฟล์ raw จะดูไม่ได้ครับ ต้องลงโปรแกรมตัวนี้เพิ่ม ถึงจะดูใน Window Photo Viewer ได้ครับ
![]() |
สามารดรูปจากไฟล์ raw แบบนี้ได้เลย สะดวกดีครับ |
มี 32 bit กับ 64 bit Support: windows 7,vista นะครับครับ +++โหลดเสร็จแล้ว ลงโปรแกรมตามปกติเลยครับ+++ ***ลงโปรแกรมเสร็จแล้ว สามารถใช้งานได้เลยครับไมต้อง restart เครื่อง***
มี 32 bit กับ 64 bit Support: windows 7,vista นะครับครับ
+++โหลดเสร็จแล้ว ลงโปรแกรมตามปกติเลยครับ+++
***ลงโปรแกรมเสร็จแล้ว สามารถใช้งานได้เลยครับไมต้อง restart เครื่อง***
แก้ไข White Balance ใน Photoshop CS5 ง่ายๆ แค่ 3 คลิ๊ก
การถ่ายภาพจากกล้อง DSLR หรือ กล้องดิจิตอล หรือ กล้องโทรศัพท์ เมื่อเราถ่ายภาพมาแล้วสีอาจจะเพี้ยน เราก็มีวิธีการปรับภาพหลายๆ แบบ โดยใช้แม่สีตรงข้าม เพื่อแก้ปัญหา เช้น ถ้าภาพออกสีแดง เราก็จะนำสีนำเงินเข้ามาแทน เพื่อทำให้ภาพสมดุล ซึ่งหากเราปรับไปปรับมา รูปเราอาจจะสี้เพี้ยนไปเลยก็เป็นได้ วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีแก้ไขสีเพี้ยนอย่างง่ายมาฝากครับ ซึ่งการปรับWhite Balance นี้จะเป็นการปรับสีที่ถูกต้องอย่างที่ตาเราเห็น บางครั้งอาจจะไม่สวยเสมอไป แต่เพื่อให้ได้ภาพที่เป็นจริงตามสีมากที่สุด เราก็ต้องมาปรับสมดุลสีให้ตรงแล้วหละครับ ใช้เวลาแป๊บเดียวครับ เห็นผล แป๊ะเว่อออ
2. ในหน้าต่าง Level จะพบหลอด 3 หลอด ดังนี้
หลอดบนสุด สีดำ
หลอดกลาง สีเทากลาง
หลอดล่างสุด สีขาว
3. ใช้หลอดสีขาวด้านล่างสุดจิ้มที่ส่วนที่สว่างทีสุดของภาพ ดูจากค่า info ให้ค่า RGB ทั้งสามตัว อยู่ใกล้ 255 ให้มากที่สุด (RGB ย่อมาจาก Red,Green,Blue)
4. ใช้หลอดสีดำด้านบนสุดจิ้มส่วนที่มืดที่สุดของภาพ ดูจากค่า info ให้ค่า RGB ทั้งสามตัว อยู่ใกล้ 0 ให้มากที่สุด
5. ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมาก เป็นส่วนการหาสีเทากลางในภาพ เราจะมองออกได้อย่างไรว่าเป็นสีเทากลาง สำหรับผมส่วนนี้ผมก็ยังงงๆ อยู่ แต่เอาเป็นว่าส่วนไหนที่เราเห็นเป็นใกล้เคียงกับสีเทามากที่สุด ซึ่งค่าสีเทากลาง ถ้าดูจาก info ค่า RGB จะอยู่ระหว่างประมาณ 146 ทั้งสามตัว อันนี้ผมกะๆ เอานะครับ ^^ จากรูปผมเลือกเงาทางด้านล่างกรอบรูป ซึ่งผมเชื่อว่าบางรูปอาจจะไม่มีสีเทากลางเลยก็เป็นได้ ต้องกะเอาแล้วหละครับทีนี้
6. เมื่อเราจิ้มครบทั้งสามหลอดแล้ว (ขาว ดำ เทา) เราก็จะได้รูปที่มี White Balance อย่างที่
ตาเราเห็น แต่แต่ การจิ้มนั้นตามจริงเราจะจิ้มสีไหนก่ิอนก็ได้นะครับ แต่ที่ผมเลือกให้จิ้มสีขาวหรือ สีดำก่อน ก็เพราะสองสีนี้จะง่ายกว่าสีเทามาก ดังนั้นผมจึงใช้สีเทาไว้จิ้มสุดท้ายซึ่งเราจิ้มเท่าไหร่ก็ได้ จนกว่าเราจะพอใจกับสีที่ได้ออกมา ผลงานที่ได้ออกมาครับ สีจะอิ่มขึ้นมากเลยครับ ถ้าดูจากภาพแล้วรูปก่อนปรับจะติดเหลืองๆ เขียวๆ แต่พอปรับแล้วสีตรงแป๊ะเลยครับ ชมภาพเต็มๆ กันเลย
" ขอให้มีความสุขกับการแต่งภาพนะครับ "
![]() |
Example |
ขั้นตอนการปรับ
1. เลือกรูปภาพที่เราต้องการปรับ ไปที่ Level
![]() |
ไปที่ Level |
2. ในหน้าต่าง Level จะพบหลอด 3 หลอด ดังนี้
หลอดบนสุด สีดำ
หลอดกลาง สีเทากลาง
หลอดล่างสุด สีขาว
![]() |
หน้าต่าง Level |
3. ใช้หลอดสีขาวด้านล่างสุดจิ้มที่ส่วนที่สว่างทีสุดของภาพ ดูจากค่า info ให้ค่า RGB ทั้งสามตัว อยู่ใกล้ 255 ให้มากที่สุด (RGB ย่อมาจาก Red,Green,Blue)
![]() |
ใช้หลอดสีขาว จิ้มส่วนทีสว่างที่สุดในภาพ |
4. ใช้หลอดสีดำด้านบนสุดจิ้มส่วนที่มืดที่สุดของภาพ ดูจากค่า info ให้ค่า RGB ทั้งสามตัว อยู่ใกล้ 0 ให้มากที่สุด
![]() |
ใช้หลอดสีดำ จิ้มส่วนทีมืดที่สุดในภาพ |
5. ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมาก เป็นส่วนการหาสีเทากลางในภาพ เราจะมองออกได้อย่างไรว่าเป็นสีเทากลาง สำหรับผมส่วนนี้ผมก็ยังงงๆ อยู่ แต่เอาเป็นว่าส่วนไหนที่เราเห็นเป็นใกล้เคียงกับสีเทามากที่สุด ซึ่งค่าสีเทากลาง ถ้าดูจาก info ค่า RGB จะอยู่ระหว่างประมาณ 146 ทั้งสามตัว อันนี้ผมกะๆ เอานะครับ ^^ จากรูปผมเลือกเงาทางด้านล่างกรอบรูป ซึ่งผมเชื่อว่าบางรูปอาจจะไม่มีสีเทากลางเลยก็เป็นได้ ต้องกะเอาแล้วหละครับทีนี้
![]() |
ใช้หลอดสีเทา จิ้มส่วนทีเป็นสีเทาที่สุดในภาพ |
6. เมื่อเราจิ้มครบทั้งสามหลอดแล้ว (ขาว ดำ เทา) เราก็จะได้รูปที่มี White Balance อย่างที่
ตาเราเห็น แต่แต่ การจิ้มนั้นตามจริงเราจะจิ้มสีไหนก่ิอนก็ได้นะครับ แต่ที่ผมเลือกให้จิ้มสีขาวหรือ สีดำก่อน ก็เพราะสองสีนี้จะง่ายกว่าสีเทามาก ดังนั้นผมจึงใช้สีเทาไว้จิ้มสุดท้ายซึ่งเราจิ้มเท่าไหร่ก็ได้ จนกว่าเราจะพอใจกับสีที่ได้ออกมา ผลงานที่ได้ออกมาครับ สีจะอิ่มขึ้นมากเลยครับ ถ้าดูจากภาพแล้วรูปก่อนปรับจะติดเหลืองๆ เขียวๆ แต่พอปรับแล้วสีตรงแป๊ะเลยครับ ชมภาพเต็มๆ กันเลย
![]() |
Before |
![]() |
After |
" ขอให้มีความสุขกับการแต่งภาพนะครับ "
Subscribe to:
Posts (Atom)